คุณม่อลี่ (茉莉) นักเขียนเจ้าของผลงานที่มีชื่อว่า Hello! Welcome to Other Store ตั้งสมญานามให้พนักงานร้านสะดวกซื้อว่า “จับกังที่เจ๋งที่สุดในโลก” ซึ่งเป็นการเปรียบเปรยให้เห็นถึงความสามารถของพนักงานร้านสะดวกซื้อที่ต้องทำได้ทุกอย่าง แม้แต่ชาวต่างชาติจำนวนมากก็พากันถ่ายคลิปแบ่งปันประสบการณ์การใช้บริการร้านสะดวกซื้อในไต้หวัน พร้อมชมเชยว่า ร้านสะดวกซื้อในไต้หวันเป็นได้ทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการ เป็นทั้งที่ทำการไปรษณีย์ ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว all in one รวมอยู่ในที่เดียวกัน บริการก็ประทับใจ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง แถมใบเสร็จกำกับภาษีจากการซื้อสินค้ายังอาจถูกรางวัลด้วย ร้านสะดวกซื้อเป็นทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการจริง ๆ
เป็นทั้งแฟรนไชส์ร้านอาหารและห้างสรรพสินค้า
ความหนาแน่นของร้านสาขาที่สูงถึงขนาดนี้ จุดประสงค์เพื่อดึงผู้บริโภคให้มาใช้บริการเป็นประจำ ร้านสะดวกซื้อแบรนด์ต่าง ๆ พากันใช้กลยุทธ์เสนอบริการที่หลากหลาย การตลาดบนความร่วมมือ (Collaborative) และการสร้างแบรนด์ร่วมกันระหว่าง 2 ธุรกิจแบบ Co-Branding เพื่อสร้างความแตกต่างให้แก่สินค้าและสร้างสรรค์โมเดลธุรกิจใหม่ให้แก่ร้านสาขา ภายใต้การแข่งขันที่ดุเดือด ได้มีการขยายสาขาเพิ่มต่อเนื่องจนก้าวพ้นขีดจำกัดที่ว่าตลาดอิ่มตัวแล้ว
7-ELEVEN ร่วมมือกับธุรกิจในเครือของกลุ่มยูนิเพรสซิเดนท์ อาทิ ร้านหนังสือ Book Your Life ร้านเครื่องสำอาง K.Seren ร้านเบเกอรี Semeur ร้านโดนัท Mister Donut และร้านไอศกรีม COLD STONE ฯลฯ เปิดร้านสาขาให้สอดคล้องกับจุดเด่นของย่านธุรกิจ ปัจจุบันร้านที่ให้บริการหลากหลายรูปแบบ มีมากกว่า 1,000 สาขา ทำให้ภายในร้านสะดวกซื้อมีร้านหนังสือ เคาน์เตอร์บาร์บีคิว ร้านขนมหวานญี่ปุ่นและร้านเวชสำอางช่วยดึงดูดลูกค้าได้มากกว่าสาขาทั่วไปเฉลี่ย 10 % ขึ้นไป
7-ELEVEN ยังเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจจากสัญลักษณ์ตราสินค้า (Spoke-characters) ตั้งแต่ปี ค.ศ.2019 เป็นต้นมา จึงได้เริ่มร่วมมือกับมอสคอตตัวการ์ตูนยอดนิยมที่มีลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญา อาทิ โอเพิ่นจัง (Open-chan) ดาบพิฆาตอสูร (Demon Slayer) ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน (Detective Conan ) และโปเกมอน (Pokémon) จัดตั้งร้านสาขาในรูปแบบ Co-Branding จนถึงปัจจุบันมีมากกว่า 90 สาขา โดยร้านสาขา Co-Branding จัดตั้งขึ้นภายใต้ “ทฤษฎีเศรษฐกิจบริบทรอบตัว” (contextual economy) ซึ่งสามารถดึงดูดลูกค้าได้เพิ่มขึ้น 20-30%
เขตปั่นเฉียว นครนิวไทเป ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่มีร้านสะดวกซื้อหนาแน่นอยู่ใน 10 อันดับแรกในไต้หวัน FamilyMart สาขาที่ 4,000 ซึ่งเปิดตัวขึ้นที่เขตปั่นเฉียว เล็งเป้าหมายไปที่รูปแบบการใช้ชีวิตวิถีใหม่หลังยุคโควิด ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เคลื่อนไหวรวดเร็ว เศรษฐกิจขี้เกียจ และกรีนไลฟ์สไตล์” เปิดตัวบริการแบบไร้สัมผัส เป็นเจ้าแรกที่นำ App สั่งข้าวกล่องและตู้รับอาหารอัจฉริยะมาให้บริการ จัดตั้งจุดให้เช่าและคืนแก้วกาแฟ ซึ่งเป็นการขานรับแนวคิดการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
FamilyMart เปิดมุมอาหารร้อนและมีการพัฒนาเรื่อยมาเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว ปีที่แล้วเริ่มติดตั้งตู้อบอาหารเป็นครั้งแรกในร้านสาขาเกือบ 600 แห่ง จำหน่ายขนมสไตล์ตะวันตกและจีน อาทิ ซินนามอนโรล และมิลล์เฟย เป็นต้น ช่วยกระตุ้นยอดขายของมุมอาหารร้อนเพิ่มขึ้น 30 % นอกจากนี้ FamilyMart ยังเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจของอาหารทอดและปิ้งย่าง จึงได้ให้ร้านสาขาเกือบ 100 แห่งเปิดตู้จำหน่ายอาหารทอดและปิ้งย่าง ซึ่งรวมถึงของกินเล่นยอดนิยมในตลาดนัดกลางคืน อาทิ ปีกไก่ยัดไส้ข้าวเหนียว และน่องไก่ย่างมะนาว เป็นต้น เป็นการนำอาหารอร่อยจากตลาดนัดกลางคืนมาจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ พลิกภาพลักษณ์ของมุมอาหารร้อนในร้านสะดวกซื้อในสายตาของผู้บริโภคโดยสิ้นเชิง
อาหาร 3 มื้อของประชาชน รวมถึงอาหารมื้อดึก และอาหารว่างยามบ่าย ล้วนสามารถหาได้ในร้านสะดวกซื้อ (ภาพจาก FamilyMart)
ร้านสะดวกซื้ออัจฉริยะ (intelligent stores) ของ FamilyMart นำเทคโนโลยีหลากหลายประเภทมาช่วยลดปริมาณการใช้แรงงานของพนักงานร้านสาขา
(ภาพจาก FamilyMart)