คุณเคยสร้างสีสันให้แก่ชีวิตหรือไม่ ด้วยการแกะเทปกระดาษสีหรือลวดลายต่างๆ แปะติดลงบนสมุดบันทึกประจำวันหรือของใช้ส่วนตัวอื่นๆ เป็นการสร้างอารมณ์ความรู้สึกเฉพาะตนอย่างไร้ขีดจำกัด เทปกระดาษหลากชนิด ทั้งแถบกว้าง แถบแคบ สีพื้น สีลวดลายวางเรียงรายบนโต๊ะดูเหมือนเป็นของธรรมดาแต่กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ในสังคม
เทปกระดาษที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม ใช้พ่นสีรถยนต์หรือใช้ในงานสถาปัตยกรรมได้ถูกเปลี่ยนรูปโฉมให้มีสีและลวดลายหลากหลาย เรียกว่า วาชิเทป (washi tape) masking tape หรือ mt ที่กลายเป็นของใช้ประเภทเครื่องเขียนประจำอยู่บนโต๊ะหนังสือและได้รับความนิยมจนแพร่หลายมากขึ้นเรื่อย ๆ
ไต้หวันไม่ยอมน้อยหน้าญี่ปุ่น ได้มีการพัฒนาเทปทำนองเดียวกัน คุณภาพดีและยังสะท้อนความเป็นไต้หวันอย่างเต็มเปี่ยมด้วย
คุณเคยใช้วาชิเทปยอดนิยมของบริษัท Kikusui ไต้หวัน (台灣菊水) หรือยัง คุณเคยแปลงโฉมงานศิลป์ของตนเองเป็นวาชิเทปหรือยัง เราขอเชิญทุกท่านมาติดตามเรื่องราวที่เกี่ยวกับวาชิเทปในไต้หวันกัน
บริษัทเก่า ไอเดียใหม่
บริษัท Kikusui ก่อตั้งมาแล้ว 48 ปี เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างไต้หวันกับญี่ปุ่น ผลิตสติกเกอร์งานอุตสาหกรรม ผู้บริหารรุ่นที่ 2 ได้บุกเบิกขยายผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนวาชิเทป อาศัยการโฆษณาทางอินเตอร์โดยใช้นามแฝง “Kikusui Boss” โดยบอกว่าต้องการแบ่งปันเทคโนโลยีวาชิเทประดับสูงให้ชาวไต้หวันมีโอกาสใช้งาน
ทางบริษัทได้ว่าจ้างทีมนักออกแบบสร้างสรรค์ “biaugust” ออกแบบโลโก้ใหม่ วางแผนการตลาด เขียนเรื่องราวประกอบ ดังนั้น Kikusui ซึ่งเป็นบริษัทเก่าแก่ จึงเริ่มต้นใหม่ด้วยแบรนด์ “story tape” ซึ่งถือกำเนิดในฤดูใบไม้ร่วงปี 2012 ผลิตสินค้าวาชิเทปชุดแรก 3 ซีรีส์ คือ “Taiwan” “Life” และ “Fairy” รวม 28 แบบ ออกสู่ท้องตลาดและกลายเป็นที่รู้จักแพร่หลายภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว ถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม
ตลาดเครื่องเขียนในช่วงนั้นมีวาชิเทปของญี่ปุ่นวางขายกลาดเกลื่อน บริษัท Kikusui ฉีกแนวโดยเน้นความเป็นไต้หวัน โดยออกแบบ “story tape” ลายรองเท้าแตะสีน้ำเงินขาว ถุงก๊อบแก๊บสีแดง และลูกโป่ง สิ่งเหล่านี้สะท้อนความเป็นไต้หวันออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยม และทำให้ผู้บริโภครู้สึกคุ้นเคย ประกอบกับสติกเกอร์ที่ผลิตมีคุณภาพดี แกะง่าย ติดง่าย ทำให้เป็นที่ถูกใจของผู้ใช้
วาชิเทปแฝงเรื่องราว
ดอกซากุระ – ความสุข ไม่ควรเป็นเพียงแค่หิมะที่ตกลงมาในวสันตฤดู
ดอกคาลล่าลิลลี่ – จากน้ำค้างรุ่งอรุณกลายเป็นไข่มุกดอกหนึ่ง ที่คอยปกป้องจิตใจที่ใสซื่อบริสุทธิ์
ดอกว่านผักบุ้ง – ทุ่มเททุกอย่าง เพียงเพื่อจะได้ร่วมบรรเลงบทเพลงกับรังสีอาทิตย์อุทัย
ดอกไม้ดินสอ – หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งเรื่องราว เพื่อผลิดอกงดงามในฤดูกาลต่อไป
ข้างต้นคือชื่อบทความที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ book.com.tw ของไต้หวัน เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ในการเปิดตัวจำหน่ายสินค้า story tape ในซีรีส์ “Language of Flower” ของ Kikusui
การผลิตวาชิเทปมีเรื่องราวประกอบเป็นเอกลักษณ์ของบริษัท Kikusai นักออกแบบนามว่า เจิ้งเหวยจือ (鄭惟之) ร่วมมือกับ “Kikusai Boss” (ต่อไปเรียกย่อว่า KB) อย่างใกล้ชิดในด้านการตลาด เมื่อ KB ได้ไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ จะเล่าให้คุณเจิ้งฟัง จากนั้นคุณเจิ้งจะอาศัยความชำนาญทางด้านศิลปะออกแบบเป็นรูปภาพ
ยกตัวอย่าง KB ได้ไปเที่ยวที่โอกินาวา หยิบรองเท้าแตะสีน้ำเงินขาวของหลานชายที่หลุดจากเท้าลอยอยู่ในทะเล ในฉากนี้คุณเจิ้งได้นำมาออกแบบเป็นภาพ “Andante Cantabile” ในซีรีส์ “Rhythms of Life” อีกภาพหนึ่งมีชื่อเรียกว่า “Allegro con Grazia” เกิดจากมโนภาพตอนคุณเจิ้ง
งีบหลับหลังเที่ยง เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินเรียงสลับกับวงกลมสีน้ำเงินและสีชมพู
คุณเจิ้งผู้รักการวาดภาพบอกว่าในตอนแรกยังไม่คุ้นเคยกับความกว้างของแถบเทป มักจะวาดภาพขนาดใหญ่ก่อนจากนั้นจึงย่อให้เล็กลงซึ่งทำให้มองรายละเอียดไม่ชัดเจน เมื่อคุ้นเคยแล้วจึงใช้วิธีสร้างผลงานในพื้นที่แคบ จึงได้ผลงานแต่ละชิ้นที่สวยงาม เช่น ลายภาพ “ดอกไม้ดินสอ” ซึ่งเป็นภาพเศษไม้จากการเหลาดินสอ ลายภาพ “อบอุ่น” ซึ่งมีฉากหลังเป็นดอกราชพฤกษ์ในฤดูร้อน ลายภาพ “พลิ้วลอย”เป็นเส้นตารางเส้นสีน้ำเงินและเทาสลับกัน แต่ละแบบดึงดูดให้ผู้เห็นอดไม่ได้ที่จะต้องซื้อเก็บไว้
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ
KB พยายามสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าของตนเอง พยายามหาของขวัญพิเศษมอบให้แก่ลูกค้า ในการวางจำหน่ายสินค้าครั้งแรก ได้แถมเลื่อยตัวจิ๋วรูปทรง U คว่ำ KB ออกแบบเองโดยใช้กระดาษแข็งพับเป็นต้นแบบ จากนั้นได้ให้ช่างทำบล็อกแม่พิมพ์เพื่อผลิตออกมาสำหรับแถมให้ลูกค้านำไปหนีบไว้บนวงเทป ใช้สำหรับตัดแผ่นเทปโดยดึงถอยหลังทับบนซี่เลื่อย ของแถมมีความประณีตสวยงาม เมื่อ KB ไปเที่ยวที่เมืองไถตง เห็นลวดลายสวยงามบนท่อนไม้ที่ไหลมาตามน้ำ ก็ได้บอกให้ช่างแกะสลักและทำบล็อกแม่พิมพ์ผลิตเป็นของที่ระลึกแจกให้ลูกค้าด้วยเช่นกัน
KB ขึ้นเขาลงห้วยเสาะแสวงหาสิ่งของสำหรับแจกให้ “มิตรสหายของ Kikusui” (KB เรียกลูกค้าของตนเองว่า มิตรสหายของ Kikusui) ซึ่งบรรดามิตรสหายทั้งหลาย ก็ตอบแทนด้วยการทำการ์ดงานฝีมือติดแผ่นสติกเกอร์ส่งกลับไป KB บอกว่าตนเองเป็นคนที่จู้จี้ จึงไม่เบื่อที่จะพูดคุยสารพัดปัญหากับเหล่ามิตรสหายบนเฟซบุ๊ก เป็นที่ปรึกษา คุยแก้เหงา คุยเรื่องอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ความรัก ฯลฯ KB บอกว่า story tape มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 3% แต่ KB ใช้เวลาบนเฟซบุ๊กในแต่ละวัน มากเกินสัดส่วนหลายเท่านัก แม้ในยามค่ำคืนดึกดื่นก็ยังคอยรับข้อความจากเหล่ามิตรสหายบนเฟซบุ๊กเหล่านี้
ในช่วงต้นปี 2016 KB ที่มีงานล้นมือได้ประกาศขอหยุดพักสักช่วงหนึ่ง โดยฝากข้อความบนเฟซบุ๊กว่า “รอจนถึงฤดูร้อนอุณหภูมิ 33C° ก่อน จะกลับมาเล่าเรื่องให้มิตรสหายฟังกันอีก” เมื่อฤดูร้อนมาถึง บรรดามิตรสหายก็เริ่มโพสต์อุณหภูมิบนแฟนเพจทุกวัน เตือน KB ว่าอุณหภูมิใกล้ถึง 33 องศาแล้ว ดังนั้นในเดือน กรกฎาคม KB จึงได้นำเอาวาชิเทป ซีรีส์ใหม่คือ “Language of Flower” ออกวางตลาดในเดือนกรกฎาคม
ยกระดับการผลิต ตอบสนองลูกค้าแต่ละราย
วาชิเทปไม่ใช่ผลงานที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์เท่านั้นลูกค้าทั่วไปก็สามารถสั่งทำวาชิเทปจากการออกแบบของตนเองได้เช่นกัน
“InkFool” เป็นแบรนด์ของ Aiska International Corporation ให้บริการผลิตวาชิเทปตามคำสั่งลูกค้าแต่ละราย เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคทั่วไปแปลงผลงานศิลป์ของตนเป็นวาชิเทปได้
บริษัท Aiska เป็นโรงงานรับจ้างผลิตใบเสร็จรับเงินให้แก่กระทรวงการคลังของไต้หวัน มีความเชี่ยวชาญด้านงานพิมพ์ป้องกันการปลอมแปลง แต่ได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลไต้หวันส่งเสริมการใช้ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ ทางบริษัทจึงต้องหาทางเปลี่ยนแปลงยกระดับการผลิต คุณเฉินจื้อเหา (陳志豪) ผู้จัดการฝ่ายออกแบบงานพิมพ์ดิจิทัลบอกว่า เถ้าแก่โยนวาชิเทปให้เขาม้วนหนึ่ง พร้อมกับตั้งคำถามว่า ทำไมเทปม้วนเล็กๆ นี้จึงจะขายได้ในราคามากกว่าเทปปกติถึง 10 เท่า
คุณเฉินจื้อเหาอธิบายว่า กาวบนวาชิเทปมีความแตกต่างจากกาวชนิดอื่น ติดซ้ำได้ ไม่เหนียวเหนอะ ไม่ทำลายผิวกระดาษ แม้จะแกะออกแล้วติดใหม่หลายครั้ง กระดาษสติกเกอร์ก็ไม่ยับ แต่ว่าญี่ปุ่นเป็นผู้บุกเบิกตลาดก่อน ผู้บริโภคมีความคุ้นเคยกับสินค้าญี่ปุ่น “InkFool” จึงต้องวิจัยพัฒนาอย่างละเอียดเกี่ยวกับกระดาษ หมึก และกาวที่ใช้ อย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ค้นหา know-how เพื่อการแข่งขัน
สินค้าล็อตแรกของ “InkFool” มีลวดลายภาพถ่าย ลายสัก ลายลูกไม้ ภาพพิมพ์ ภาพสีน้ำมัน ภาพตัดปะ จัดทำปริมาณจำกัด ชุดละ 200 ม้วน ขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจาก “InkFool” เป็นผู้เชี่ยวชาญในการพิมพ์ใบเสร็จรับเงิน จึงมีการออกแบบลวดลายใบเสร็จรับเงินด้วย เมื่อผลิตออกสู่ตลาดขายได้สูงถึง 1,500 ม้วนภายใน 5 วัน
หลังจากสินค้าเริ่มติดตลาด ลูกค้ามีความมั่นใจต่อคุณภาพของ “InkFool” ทางบริษัทจึงเริ่มให้บริการผลิตวาชิเทปตามคำสั่งลูกค้าแต่ละรายเริ่มตั้งแต่มิถุนายน 2014 ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักเรียนมัธยมปลายและนักศึกษามหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่เป็นการพิมพ์งานจากการ์ตูนและแอนิเมชันต่างๆ คุณเฉินจื้อเหาเล่าความประทับใจเรื่องหนึ่งคือ มีคุณแม่คนหนึ่ง เนื่องจากลูกชายชอบเล่นโมเดลรถยนต์ เธอจึงได้ออกแบบลวดลายถนน ทิวทัศน์บนท้องถนน ว่าจ้าง “InkFool” พิมพ์เป็นวาชิเทป เมื่อแกะติดบนพื้นจะกลายเป็นสนามเล่นโมเดลรถยนต์ของลูกชาย
“InkFool” เคยรับคำสั่งซื้อสูงสุดเดือนละ 20,000 ม้วน ซึ่งก็คือลูกค้า 300 ราย ว่าจ้างให้พิมพ์ในช่วงเวลา 1 เดือน วาชิเทปม้วนเล็ก ๆ นอกจากทำให้รายได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยสร้างชื่อเสียงบริษัทให้แพร่หลาย ปัจจุบันช่องทางจำหน่ายสินค้าชั้นนำในไต้หวัน เช่น ร้านหนังสือ King Stone ห้างสรรพสินค้า Shin Kong Mitsukoshi เว็บไซต์ Pinkoi ล้วนมีสินค้าของ “InkFool” วางจำหน่าย
เรื่องราวอนาคตที่ยังไม่สิ้นสุด
วาชิเทป ซึ่งก็คือเทปกระดาษสารพัดสี ค่อยๆ รุกคืบเข้าไปอยู่บนโต๊ะหนังสือ สร้างสีสันให้ชีวิต เทปกระดาษเหล่านี้ทำอะไรได้บ้าง?
หญิงคนหนึ่งใช้นามแฝงว่า Mr. Eggplants (茄子先生) เธอมีวาชิเทป 200 กว่าม้วน เปิดบล็อกสอนการประดับสมุดบันทึกหรือสมุดพกด้วยวาชิเทป เมื่อไม่นานมานี้ได้ออกหนังสือเล่มหนึ่ง “สมุดพก Mr. Eggplants” เธอมีความเก่งในการใช้วาชิเทป โดยเลือกสีหรือลายใช้งานอย่างเหมาะสม เนื่องจากเรียนจบมาทางด้านการออกแบบเสื้อผ้า เธอจึงบอกว่าวาชิเทปเปรียบเสมือนกระดุมที่ทำให้สมุดพกมีความโดดเด่นสวยงาม
Mr. Eggplants บอกว่า วาชิเทปมีจุดเด่นแตกต่างจากวัสดุอื่นๆ คือพลิกแพลงได้มากกว่า เขียนตัวหนังสือลงไปก็ได้ หรือนำไปแปะติดประกอบกับเทปแผ่นอื่นๆ ก็ได้ ทำให้เกิดลวดลายที่ต่างกัน วาชิเทปให้โอกาสในการ NG ได้เสมอ เพราะลอกออกมาติดใหม่ได้
Kikusui Boss บอกว่า การผลิต story tape ถือเป็นการแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับประชาชนในไต้หวัน ในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา Kikusui Boss ได้สร้างสัมพันธภาพที่พิเศษกับมิตรสหายของ Kikusui ในการร่วมกันบันทึกเรื่องราวที่ควรค่าแก่การจดจำ
คุณเจิ้งเหวยจือบอกว่า วาชิเทปได้เชื่อมโยงคนและเรื่องราวที่ดีงามต่างๆ เธอมีความสุขที่ได้เห็นผลิตภัณฑ์ของตนเองปรากฏอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้อื่น โดยมีมิตรสหายทั้งหลายร่วมกันขบคิดและสร้างสรรค์ให้เป็นสิ่งที่สวยงาม
วาชิเทปเชื่อมโยงผู้ผลิตและผู้บริโภคร่วมกันแบ่งปันความทรงจำ เหมือนกับเรื่องราวที่ยังเล่าไม่จบ และหวังว่าใครสักคนหนึ่งจะเปิดมันออกมา เล่าเรื่องร้อยเรียงในตอนต่อไป
หากคุณคิดจะสร้างสีสันที่พิเศษให้แก่ชีวิตอย่าลืมทดลองใช้วาชิเทป