อักขระหรือตัวอักษรเป็นสื่อแห่งความรู้และประวัติศาสตร์ ความฝันของผู้คนก็โบยบินสยายปีกด้วยตัวอักษรเช่นเดียวกัน ตัวอักษรทำให้ผู้คนโลดแล่นข้ามยุค ย้อนสู่อดีตและกลับสู่ปัจจุบัน สืบทอดวัฒนธรรมความคิดสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน การพัฒนาของคอมพิวเตอร์และความแพร่หลายของระบบอินเตอร์เน็ต ตัวอักษรในปัจจุบันได้ถ่ายทอดด้วยรูปแบบใหม่ ด้วยเหตุนี้ ณ มุมหนึ่งในไต้หวัน จึงยังคงเต็มไปด้วยการยืนหยัดเพื่อไออุ่นแห่งอักขระ ไม่ว่ายุคสมัยจะแปรเปลี่ยนไปเช่นใด แต่บุคคลผู้นี้ก็ยังคงยืนหยัดสืบทอดโรงงานผลิตแท่นฝนหมึกพู่กันจีนและการหล่อตัวพิมพ์อักขระจีน บางทีอาจจะเป็นเพราะการเก็บสะสมอุปกรณ์การเขียนอักขระมาตั้งแต่อดีตก็เป็นไปได้ที่ทำให้เกิดงานนิทรรศการเครื่องเขียนโบราณที่ปรากฏให้เห็นอยู่เบื้องหน้าในตอนนี้ เมื่อก้าวเข้าไปในบริเวณงาน ก็เสมือนกับการใช้ยานยนต์แห่งการเวลาหรือไทม์แมชชีนกลับสู่อดีตอันแสนงดงามของตัวอักษรอีกครั้ง
เสียงดังกระหึ่มของเครื่องจักรส่งเสียงมาแต่ไกล เมื่อเดินผ่านประตูทางเข้าสู่บริเวณงานก็จะได้กลิ่นหอมโชยมาตามลมเย็นปะทะเข้ามา ทำให้จิตใจตื่นเต้นขึ้นมาอย่างถนัดใจในบัดดล โรงงานผลิตแท่งฝนหมึกพู่กันจีนที่ตั้งอยู่ในเขตซานฉง นครนิวไทเป ก่อตั้งขึ้นโดยคุณเฉินเจียเต๋อ (陳嘉德) เมื่อปีค.ศ.1974 ตอนนี้อยู่ภายใต้การบริหารของบุตรชาย คุณเฉินจวิ้นเทียน (陳俊天) ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการไต้หวันได้บรรจุหลักสูตรการเขียนพู่กันจีนไว้ในหลักสูตรการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาเมื่อปีค.ศ.1975 ทำให้แท่งฝนหมึกพู่กันจีนเป็นอุปกรณ์การเรียนการสอนที่จำเป็นของนักเรียนทั่วประเทศ ในยุคแห่งความรุ่งโรจน์ โรงงานนี้มีช่างฝีมือผลิตแท่งฝนหมึกพู่กันจีนถึง 6 คน นอกจากนี้ ยังมีช่างฝีมือแต่งลวดลายทองบนแท่งฝนหมึกอีก 5 คน ซึ่งคุณเฉินได้เล่ารำลึกอดีตให้ฟังว่า “ตอนนั้นมักจะผลิตไม่ทันกับความต้องการ พอเลิกเรียนผมก็ต้องรีบกลับมาช่วยที่โรงงานเพื่อส่งของให้ทัน จนไม่มีเวลาทำการบ้าน” เมื่อเข้าสู่ยุคมืดจนโรงงานผลิตแท่งฝนหมึกพู่กันจีนต้องปิดกิจการไปตามๆ กัน ตอนนี้โรงงานผลิตหมึกแท่งพู่กันจีนต้าโหย่ว (大有製墨廠) เหลือเพียงคุณเฉินเจียเต๋อเท่านั้นที่ยังพยายามพยุงกิจการของตนต่อไป จนกลายเป็นโรงงานผลิตแท่งฝนหมึกพู่กันจีนที่เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวในไต้หวัน
กลั่นทุกหยดจากใจ หมึกดำเจิดจรัส
แท่งฝนหมึกพู่กันจีนมี 2 ประเภท ได้แก่ ซงเยียนม่อ (松煙墨) หรือหมึกแท่งควันไม้สน และโหยวเยียนม่อ (油煙墨) หรือหมึกแท่งควันเขม่า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการผลิตหมึกแท่งพู่กันจีนที่มีเกรดค่อนข้างสูงที่ผลิตจากเขม่าควันไม้สน วัตถุดิบที่ใช้จะมาจากควันไม้สน กาวหนังวัว และน้ำร้อน ผสมแล้วคนให้เข้ากันจับเป็นก้อน สูตรที่ใช้ในปัจจุบันเป็นสูตรที่เกิดจากการทดลองครั้งแล้วครั้งเล่าของคุณเฉินเจียเต๋อ การผสมสัดส่วนต่างๆ ต้องพอเหมาะพอเจาะ แหล่งที่มาของวัตถุดิบก็ต้องเหมาะสมด้วย ทุกอย่างต้องลงตัวพอดี จะพลาดแม้เส้นยาแดงผ่าแปดก็ไม่ได้ มิเช่นนั้น หมึกแท่งพู่กันจีนที่ผลิตได้ก็จะแตกหรือหักง่าย ก้อนผงหมึกที่ผสมได้จะต้องอาศัยจังหวะที่ยังร้อนๆ อยู่กดรีดทับคลึงไปมาแล้วผสมผงกลิ่นหอมชะมดและพิมเสน คลึงไปมาเพื่อให้น้ำในก้อนผงหมึกระเหยไปด้วยความร้อน ทำให้ก้อนผงหมึกอัดแน่นและละเอียด ขั้นตอนนี้จะมีความสำคัญมากต่อคุณภาพของแท่งฝนหมึกพู่กันจีน หากนวดคลึงน้อยเกินไปหมึกแท่งพู่กันจีนก็จะหยาบ แข็งกระด้าง หากนวดคลึงมากเกินไปความชื้นในหมึกแท่งพู่กันจีนจะระเหยออกไปมากเกินไป หมึกแท่งนี้ก็จะแข็งเกินไป ยากที่จะฝนเป็นน้ำหมึกได้ ซึ่งความพอเหมาะพอเจาะดังกล่าว ขึ้นกับประสบการณ์ที่สั่งสมมานานของช่างระดับเทพเท่านั้น
ขั้นตอนต่อมาก็คือ ต้องใช้ค้อนที่มีน้ำหนักพอสมควรใช้แรงทุบก้อนหมึกให้เรียบ และไล่อากาศออก กลายเป็นหมึกแท่งพู่กันจีนที่เต็มไปด้วยความยืดหยุ่น ซึ่งช่างที่ทำต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีมาบดนวดก้อนหมึกเหมือนการนวดแป้งขนมปังไปมา แล้วค่อยใช้ค้อนทุบนวดอีกครั้งจนเหงื่อท่วมตัว ก้อนหมึกที่มีส่วนผสมของกาวหนังวัว เมื่อถูกอากาศนานเกินไปก็จะแข็งมาก จะต้องรีบแบ่งเป็นก้อนๆ และใช้ถุงพลาสติกห่อให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้ถูกอากาศอีก จากนั้นนำไปวางไว้ในตู้ไม้ใต้แท่นนวดก้อนหมึกข้างเตาเพื่อรักษาอุณหภูมิ
สืบทอดกรรมวิธีโบราณ บรรจงผลิตหมึกแท่งพู่กันจีน
ไม่ใช้เตาแก๊ส ไม่ใช้เตาไฟฟ้า เป็นกรรมวิธีที่สืบทอดมาแต่โบราณซึ่งโรงงานต้าโหย่วยืนหยัดใช้มาโดยตลอด โดยการใช้เตาถ่านให้ความร้อนทำให้แท่นวางหมึกแท่งพู่กันจีนค่อยๆ ร้อนขึ้นเป็นลำดับ เพื่อให้ก้อนหมึกที่ได้น้ำหนักเหมาะสมแล้วอ่อนตัวลงอีกครั้ง ทำให้ความชื้นในก้อนหมึกระเหยออกไปอีก เมื่อช่างนำมานวดคลึง แท่งหมึกฝนก็จะค่อยๆ เงามันขึ้นเป็นลำดับ จากนั้นจึงนำก้อนหมึกใส่ลงไปในแท่นผลิตหมึกแท่งพู่กันจีน กรรมวิธีนี้เป็นสูตรที่คุณเฉินเจียเต๋อศึกษามาจากช่างที่ผลิตแท่นผลิตจากไม้ต้นทับทิมในมณฑลฝูเจี้ยน จีนแผ่นดินใหญ่ สืบทอดต่อมาเป็นเวลานานนับศตวรรษทีเดียว โดยจะมีการแกะสลักภาพวิวทิวทัศน์หรือภาพหญิงสาวบนหมึกแท่งพู่กันจีน งานละเอียดเช่นนี้ จะหาช่างฝีมือในไต้หวันไม่ได้อีกแล้ว
หมึกก้อนที่จะบรรจุลงในแท่นผลิตหมึกแท่ง จะต้องใส่ไว้จนข้ามคืน เมื่ออุณหภูมิเย็นลงแล้วให้นำไปตากลมให้เย็น หมึกแท่งพู่กันจีนกลัวทั้งน้ำและความร้อน หน้าร้อนจะอ่อนตัว พอถึงหน้าฝนก็ง่ายที่จะขึ้นรา เพราะความชื้น หมึกแท่งจะตากแดดและถูกลมไม่ได้ ต้องปล่อยให้แห้งในห้องอุณหภูมิปกติเป็นเวลานานถึง 25 วัน ซึ่งโรงงานผลิตหมึกแท่งพู่กันจีนต้าโหย่วได้ยืนหยัดวิธีการที่พิถีพิถันนี้มาโดยตลอด ให้ผู้ฝนหมึกแท่งบนโต๊ะเขียนพู่กันจีน ฝนไปพร้อมกับกลิ่นหอมที่โชยออกมาจากแท่งหมึกพู่กันจีนที่กำลังฝนอยู่
ดินแดนแห่งจิตวิญญาณของวัฒนธรรมอักขระจีน
การถือกำเนิดขึ้นของแท่นพิมพ์แบบตัวเรียงพิมพ์เป็นเครื่องมือสำคัญในการสืบสานวัฒนธรรมที่มีมาช้านาน และเมื่อเราพลิกดูบทสวดมนต์ที่ตัวหนังสือจะนูนขึ้นเล็กน้อย ก็จะรู้สึกได้ถึงความเป็นเอกลักษณ์ของการพิมพ์ บทสวดนี้จัดพิมพ์เมื่อประมาณ 30 ปีเศษที่ผ่านมา ภายในมีภาพวิวทิวทัศน์ แต่ในยุคดิจิทัล เทคนิคการพิมพ์สมัยใหม่ 4 เทคนิคที่คิดค้นโดยประเทศจีน เป็นเทคนิคการพิมพ์ด้วยตัวพิมพ์อักษรที่หล่อจากตะกั่ว ต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่อาจจะหายสาบสูญไปจากโลกนี้ โรงงานหล่อตัวพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน ก็ต้องปิดกิจการลงในปีค.ศ.2000 นั่นก็คือ "จงหนานหาง” (中南行) ต่อมาคุณจางเจี้ยก้วน (張介冠) เจ้าของโรงหล่อตัวพิมพ์รื่อซิง (日星鑄字行) เห็นว่าอนาคตของโรงหล่อตัวพิมพ์อักขระแบบเดิมอาจต้องปิดกิจการลง ดังนั้น จึงพยายามที่จะอนุรักษ์มรดกอันล้ำค่านี้ไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลาน ซึ่งทำให้โรงงานหล่อตัวพิมพ์รื่อซิงในไต้หวันกลายเป็นโรงงานหล่อตัวพิมพ์อักขระแบบดั้งเดิมที่หลงเหลืออยู่ในโลก
โรงงานหล่อตัวพิมพ์รื่อซิง ตั้งอยู่ในซอยเล็กๆ บนถนนไท่หยวน กรุงไทเป ก่อตั้งขึ้นโดยคุณพ่อของคุณจางเจี้ยก้วน มาตั้งแต่ปีค.ศ.1969 ผลิตตัวอักษรจีนเพื่อนำมาใช้ในการตีพิมพ์สิ่งพิมพ์ต่างๆ แบบข้ามวันข้ามคืน ภายในโรงงานเล็กๆ หิ้งไม้จัดแสดงตัวพิมพ์อักขระจีนแบบดั้งเดิมแบบต่างๆ ทั้งตัวบรรจง ตัวซ่ง และตัวหนา และมีการจัดไว้ตามลำดับเล็กใหญ่ของตัวอักษร โดยกำกับหมายเลขรวม 7 ขนาดด้วยกัน โดยที่โรงงานแห่งนี้มีตัวอักขระที่หล่อเสร็จเรียบร้อยแล้วถึง 120,000– 150,000 ตัว คุณจางเจี้ยก้วนบอกว่า คำว่า “เชียน” (鉛) ออกเสียงในภาษาไต้หวันว่า “หยวน” (緣) เสียงคล้ายกัน การส่งมอบ “เชียน” ก็เหมือนกับการผูก “หยวน” ชะตาที่ดีต่อกัน นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมโรงงานรื่อซิง ก็จะเลือกตัวหนังสือทำเป็นตราประทับ มอบเป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่มีชะตาที่ดีต่อกัน และก็เคยมีคนใช้เวลาครึ่งค่อนวันเลือกหาตัวหนังสือที่เป็นตัวแทนแห่งความรักในโรงงานรื่อซิงเพื่อนำไปขอแต่งงานกับคนรักของตน โรงงานหล่อตัวพิมพ์ที่เก็บสะสมตัวอักขระจีนแบบดั้งเดิมไว้เป็นจำนวนมากทำให้หายาก ก็อาจขอให้พนักงานช่วยหาตัวอักขระที่ตนต้องการได้ แต่ก็มีบางคนที่ชอบจะใช้เวลาค่อยๆ หาตัวอักษรที่ตนต้องการให้ได้ด้วยตนเอง ซึมซับบรรยากาศแห่งการค้นหาขุมทรัพย์อย่างสนุกสนาน สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เมื่อหยิบตัว “เชียน” ออกจากแท่นวางแล้ว ห้ามวางกลับไปที่เดิม เพราะอาจจะทำให้เกิดความเสียหายกับตัวอักษรตัวอื่นๆ หากพิมพ์ออกมาแล้วปรากฏว่าหายไปตัวหนึ่งหรือหายไปขีดหนึ่ง ก็อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดถึงชีวิตได้เหมือนกัน ภารกิจแห่งการถ่ายทอดความรู้สึกของตัวอักษรจะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่เพียงน้อยนิด
ยุทธการฟื้นฟูอักขระ
ในมือถือตัวพิมพ์อักษร “เชียน” อันหนักอึ้ง เสมือนภารกิจอันหนักอึ้งตกอยู่บนบ่าของคุณจางเจี้ยก้วน ในกล่องไม้ที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งประวัติศาสตร์เรียงแถวอยู่ในโรงงานหล่อตัวพิมพ์แห่งนี้ ถูกวางไว้ดั่งเช่นเจ้าของโรงงานได้พูดทีเล่นทีจริงว่า เป็นแท่นทองแดงหล่อตัวอักขระแบบตัวพิมพ์ที่ถือเป็นมรดกตกทอดและสมบัติล้ำค่าในวงศ์ตระกูลของตน แท่นทองแดงหล่อตัวอักขระมีประวัติความเป็นมานานนับ 100 ปีขึ้นไป มาจากเซี่ยงไฮ้ เมื่อปี 1920 ไม่หลงเหลือร่องรอยแห่งอายุของแท่นหล่อตัวพิมพ์นี้ เพราะตัวอักษรเลือนลาง เส้นขีดของตัวอักษรก็เสียหายอย่างหนัก ซึ่งในปัจจุบันไม่สามารถหาช่างที่ไหนมาซ่อมให้กลับสู่สภาพเดิมได้ ต่อมาในปีค.ศ.2008 คุณจางจึงได้รับสมัครจิตอาสา เพื่อเริ่มแผนยุทธการฟื้นฟูตัวพิมพ์อักขระจีน โดยนำเอาตัวอักษร “เชียน” ไปขยายใหญ่แล้วสแกน ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ซ่อมแซมแม่พิมพ์ตัวอักขระนี้ แล้วเก็บเป็นไฟล์ไว้ในคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ดี เนื่องจากตัวอักขระแบบตัวพิมพ์ จะจัดทำขึ้นเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกของนายช่างใหญ่ เมื่อได้รับการแก้ไขซ่อมแซมจากนายช่างแต่ละคนแล้ว ก็ทำให้ลักษณะของตัวอักขระที่ซ่อมแซมออกมามีความแตกต่างกัน ดังนั้น การหาวิธีการทำให้ตัวอักขระแต่ละชุดมีความละม้ายคล้ายคลึงให้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวอักขระเดียวกันและคนละขนาดอย่างตัวอักขระแบบซ่ง จึงเป็นปัญหาหนักอกสำหรับยุทธศาสตร์ฟื้นฟูอักขระ แต่ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ความละเอียดแก้ไขทุกขีดทีละขีดๆ ซึ่งต้องใช้เวลาและกำลังคนจำนวนมหาศาล ตลอดจนงบประมาณด้วย
ก็เช่นเดียวกับวัยรุ่นทั่วไปที่มีชะตากรรมต้องใช้ชีวิตรับราชการ คุณจางเริ่มศึกษาเกี่ยวกับเครื่องจักรตอนวัยรุ่น เครื่องหล่อตัวพิมพ์ที่อายุมากในโรงงาน ตอนนี้ก็ไม่มีใครมีความรู้ที่จะซ่อมมันได้ แต่เขาก็ต้องอาศัยประสบการณ์ที่เคยมีมาในอดีตพยายามซ่อมมันให้ได้ คุณจางกล่าวติดตลกว่า ภารกิจสำคัญของตนในตอนนี้ก็คือ หายใจแรงๆ เพราะต้องทำอะไรอีกมากมาย มีหน้าที่อนุรักษ์วัฒนธรรมแห่งตัวพิมพ์ภาษาจีน และได้แต่ตั้งความหวังให้แท่นหล่อตัวพิมพ์ของโรงงานรื่อซิงสามารถทำงานได้เหมือนกับชื่อของโรงงานรื่อซิง (อาทิตย์และดวงดาว) เพื่อให้บนโต๊ะของนักเรียนรุ่นแล้วรุ่นเล่า เต็มไปด้วยสุนทรียภาพแห่งวัฒนธรรมตัวอักขระจีนสืบต่อไปนั่นเอง
อักขระโบราณปรากฏโฉมอย่างสง่างาม
เมื่อจอภาพ เมาส์และคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ได้เข้ามาแทนที่การฝนน้ำหมึก จอโทรศัพท์มือถือและจอแท็บเล็ตได้เข้ายึดหัวหาดเวลาส่วนใหญ่ของสายตาของผู้คน เป็นสิ่งที่พบเห็นได้อย่างดาษดื่นบนโต๊ะทำงานสมัยใหม่ ภายในออฟฟิศแห่งหนึ่งในย่านธุรกิจซิ่นอี้ในกรุงไทเป ได้จัดแสดงเครื่องเขียนโบราณ เครื่องโรเนียว แผนที่เก่า อุปกรณ์ยุคเก่า ก็เพื่อที่จะนำพาผู้คนให้หวนรำลึกถึงอุปกรณ์เครื่องเขียนเก่าแก่ที่เคยใช้กันมาแต่ยุคอดีตกาล
เมื่อเราผลักประตูสีแดงของบ้านพักแห่งหนึ่งภายในซอยย่านซิ่นอี้ แล้วเดินเข้าไปภายใน ซึ่งพื้นปูด้วยอิฐแดง โต๊ะไม้หนังสือขนาดใหญ่วางเรียงรายด้วยเครื่องเขียนนานาชนิด ปากกาคอแร้งในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ปากกาแก้ว ที่หนีบกระดาษ ตะปูหัวโต และปากกาที่หายไปจากตลาดแล้ว ข้างๆ ยังมีตู้หนังสือที่ทำจากไม้วางประดับด้วยเครื่องพิมพ์ดีดรุ่นเก่า แผนที่เก่า และไม้บรรทัด ทำให้มีความรู้สึกเหมือนก้าวเข้าไปในยานยนต์แห่งการเวลา หรือเครื่องไทม์แมชชีน ทุกชิ้นเต็มไปด้วยเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ที่ผุดขึ้นมาในสมอง คุณซางเต๋อ (桑德) เจ้าของร้าน “เครื่องเขียนโบราณที่ผู้ใหญ่เคยใช้” เล่าให้ฟังถึงต้นกำเนิดของร้านนี้ว่า “จากเครื่องเขียนต่างๆ ที่คนรุ่นก่อนเคยใช้เวลาไปโรงเรียน ก็เข้าใจได้ถึงเรื่องราวและร่องรอยแห่งยุคสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี”
ในยุคที่ไม่มีเครื่องเหลาดินสอใช้ มีดเล็กๆ เป็นอุปกรณ์ที่ต้องติดตัวไว้ในกล่องใส่ดินสอ ปากกาคอแร้งที่ต้องจุ่มน้ำหมึกทุกครั้งที่เขียนหนังสือ ตัวหนังสือแต่ละบรรทัดก็จะมีความหนาบางแตกต่างกันไปตามปริมาณน้ำหมึกในปากกา ซึ่งหาได้ยากในยุคปากกาหมึกแห้ง และเพื่อป้องกันมิให้ขวดน้ำหมึกหกรดเปื้อนเต็มโต๊ะ จึงต้องออกแบบให้ขวดน้ำหมึกต้องมีตะขอสำหรับแขวนไว้ที่เข็มขัดเอาไปโรงเรียน ไม่ต้องกลัวหก การออกแบบเช่นนี้เป็นเรื่องราวที่มีความหมายแห่งยุคสมัยเป็นอย่างยิ่ง
คุณซางเต๋อ ซึ่งทำงานด้านการออกแบบและได้รับการอบรมสั่งสอนจากคุณพ่อที่เป็นวิศวกร มีความรู้สึกผูกพันกับปากกา ไม้บรรทัดและแผนที่อย่างบอกไม่ถูก อุปกรณ์เครื่องเขียนและอื่นๆ ที่วางแสดงในร้านเป็นของเก่าที่เขาเก็บสะสมมานานนับสิบปี ด้วยความรู้สึกที่ต้องการแบ่งปันการออกแบบอันแสนจะงดงามเหล่านี้ให้แก่ผู้คน คุณซางเต๋อและภรรยากับคุณจาง
อวี่เฉินได้แบ่งส่วนหนึ่งในออฟฟิศจัดเป็นมุมจัดแสดงสิ่งของที่สะสมไว้ และก็ยังมีมุมจิบกาแฟเสวนาเกี่ยวกับเรื่องราวของเครื่องเขียนด้วย เครื่องเขียนโบราณเหล่านี้เป็นเครื่องเขียนที่เลิกผลิตไปนานแล้ว แต่ก็เป็นของใหม่ที่ไม่เคยนำมาใช้มาก่อน ไม่ได้ประกอบกิจการเพื่อผลกำไร จำหน่ายสินค้าที่นำมาจัดแสดงด้วยราคายุติธรรม คุณซางเต๋อเล่าให้ฟังว่า “วัตถุดิบที่นำมาใช้ผลิตเครื่องเขียนในยุคแรกๆ จะสามารถใช้ได้นานๆ เราหวังว่าคนที่ชอบมันจะนำติดตัวกลับไปใช้ต่อที่บ้าน เสริมคุณค่าให้แก่เครื่องเขียนเหล่านี้ต่อไป”
กรุณาเก็บอุปกรณ์สื่อสารสมัยใหม่เป็นครั้งคราวบ้างนะครับ เครื่องเขียนที่เคยโลดแล่นข้ามยุคสมัยเหล่านี้ ผ่านการประดิษฐ์ด้วยความบรรจงของมืออาชีพ ส่งมอบให้ด้วยใจรักอันอบอุ่น ให้เวลาค่อยๆ แสดงบทบาทอย่างค่อยเป็นค่อยไปในอุปกรณ์การเขียนเหล่านี้ หยิบยื่นความอบอุ่น ความเรียบง่ายให้แก่ชีวิตแห่งความยุ่งเหยิงของผู้คนสมัยใหม่กันเถอะ