ก็ได้นำมาใช้ประโยชน์ในที่สุด
คุณหลี่อ้ายเจินเป็นอีกหนึ่งสมาชิกของโครงการ หัวใจผ่องใส เธอเป็นชาวอินโดนีเซีย ปัจจุบันอายุ 42 ปี นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ส่วนสามีนับถือลัทธิอนุตตรธรรม (一貫道) การแต่งงานมาอาศัยอยู่ในไต้หวันเมื่อ 17 ปีที่แล้ว ถือเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝัน เพราะในปีนั้นเธอเช่าบ้านอยู่ที่กรุงจาการ์ตา เพื่อนของเธอแนะนำให้รู้จักสามีซึ่งมาเผยแพร่ลัทธิอนุตตรธรรม เขาจะเดินทางมาอินโดนีเซียปีละ 2-3 ครั้ง มีครั้งหนึ่งเขาพาคนในครอบครัวมาที่อินโดนีเซียด้วย ตอนนั้นว่าที่แม่สามีในอนาคตอยากทำความรู้จักกับพ่อแม่ของเธอ ในใจเธอคิดว่ามันยังเร็วเกินไป จึงตัดสินใจยื่นข้อเสนอ 3 เรื่อง โดยหวังว่าเมื่อพวกเขารับทราบแล้วคงจะถอยไปตั้งหลักกันใหม่
ข้อเสนอทั้ง 3 เรื่องประกอบด้วย 1. ไม่เปลี่ยนการนับถือศาสนา 2. ลูกที่จะเกิดมาในอนาคตต้องนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเช่นเดียวกัน และ 3. ว่าที่สามีจะต้องเรียนคำสอนของคาทอลิกเป็นเวลา 3 เดือน และสิ่งสำคัญที่สุดคือ แต่งงานแล้วต้องไม่หย่าร้างกัน ถ้าเขายอมรับได้ ฉันก็จะตกลง ผลสรุปคือฝ่ายตรงข้ามยอมรับเงื่อนไขทั้งหมด และกลับกลายเป็นเธอที่วิตกกังวล นอนหลับก็ไม่สนิท เพราะไม่รู้ว่าจะต้องปฏิเสธอย่างไรดี
เพราะขี่หลังเสือแล้วลงยาก พวกเขาทั้งหมดจึงนั่งเรือเร็วเป็นเวลา 8 ชั่วโมง เดินทางระยะไกล กลับไปยังบ้านเกิดของคุณหลี่อ้ายเจิน ซึ่งอยู่บนเกาะบังกา (Bangka Islands) จังหวัดสุมาตรา ขณะนั้นเธอกำลังทำงานด้านแนะแนวการศึกษาในโรงเรียนมัธยมศึกษา ในใจก็คิดว่า ทำไมฉันเรียนจบมหาวิทยาลัย มีการงานที่มั่นคง แต่ต้องมาแต่งงานกับคนไต้หวัน ในเวลานั้นอินโดนีเซียอยู่ในช่วงที่กำลังกีดกันคนเชื้อสายจีนอย่างหนัก และแม้จะรู้ว่าคุณแม่ไม่ค่อยอยากจะให้เธอไป แต่คุณพ่อกลับคิดว่านี่เป็นอีกหนึ่งโอกาส และพูดย้ำเป็นร้อยเป็นพันครั้งให้ลูกเขยต้องดูแลเธอเป็นอย่างดี ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจแต่งงานและเดินทางมาอาศัยอยู่ที่ไต้หวัน
อินโดนีเซียคือประเทศที่มีเครื่องเทศหลากหลายชนิด อาหารหลายอย่างมีเครื่องเทศเป็นส่วนประกอบ ยิ่งคุณหลี่อ้ายเจินเป็นคนชอบเข้าครัวทำอาหาร ทำให้กระเป๋าเดินทางในการไต้หวันครั้งแรกเต็มไปด้วยเครื่องเทศจำนวนมาก อาทิ ตะไคร้ ขมิ้น และพริกไทย เป็นต้น อีกทั้งยังนำเอาอุปกรณ์สำคัญในครัวอย่างครกหินมาไต้หวันด้วย เพื่อใช้สำหรับบดตำเครื่องเทศ และผสมส่วนประกอบต่างๆ เธอทำอาหารอินโดนีเซียขึ้นเสิร์ฟบนโต๊ะ ปรากฏว่าคนในครอบครัวกลับรับประทานไม่เป็น เพราะอาหารไต้หวันทำง่ายๆ มีเขียง 1 อัน หั่นๆ สับๆ ก็ได้แล้ว จากนั้นเธอจึงเข้ามาสู่ธรรมเนียมปฏิบัติแบบดั้งเดิม ด้วยการทำอาหารตามครอบครัวทั้งห่อเกี๊ยว ทำบ๊ะจ่างเจกับเนื้อแบบชาวฮากกา และทำโมจิ เป็นต้น เธอหัวเราะพร้อมเล่าว่า หลังจากนั้นการทำอาหารทุกอย่างของเธอก็เหมือนกับคนไต้หวันทั้งหมด รสชาติอาหารจากบ้านเกิดจึงถูกปิดผนึกไว้นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
แม้ว่าเธอจะมีเชื้อสายจีน แต่พูดได้เพียงภาษาฮากกา พูดภาษาจีนกลางไม่ได้เลย หลังจากมาถึงไต้หวันเธอจึงต้องไปเรียนพิเศษเสริมภาษาจีน เธอหัวเราะและพูดว่า ได้เรียนจู้อิน ปอ พอ มอ (ㄅㄆㄇ) กับผู้อาวุโสหลายคน หลายปีที่ผ่านมา ชีวิตประจำวันของเธอนอกจากบ้านตัวเอง ก็มีบ้านแม่สามี ต้องดูแลทั้งเด็กและคนแก่ในบ้าน ตัวเธอเองรู้จักเพียงคนแก่ ทุกวันต้องกวาดบ้านทำงานบ้าน ฉันอยากทำงาน อยากออกไปดูโลกข้างนอกว่า คนอื่นเขามีวิถีชีวิตกันอย่างไรบ้าง แม้ว่าสามีจะไม่สนับสนุน แต่ก็ไม่ได้ขัดขวาง เธอจึงตัดสินใจขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปหางานทำแถวนิคมอุตสาหกรรม จนได้งานที่บริษัท ASE Group แต่โชคก็ไม่ได้เข้าข้างเสมอไป อาจเป็นเพราะต้องทำงานหนักตลอดเวลา หลังทำงานได้ 4 ปี เธอก็มีอาการปวดกระดูกสันหลังซึ่งรุนแรงจนไม่สามารถเดินได้ เธอทำกายภาพบำบัดเป็นเวลา 2 ปี จึงกลับมาเดินได้อีกครั้ง
หลังจากสุขภาพดีขึ้นได้ไม่นาน เธอก็ได้ตอบรับเข้าร่วมโครงการ หัวใจผ่องใส คุณจ้าวเพ่ยอวี้ผู้รับผิดชอบโครงการถามเธอว่า อยากเรียนภาษาจีนไหม ตอนนั้นเธอเริ่มเข้าร่วมโครงการฯ และทำกิจกรรมหลายอย่างที่จัดขึ้น รวมถึงเป็นจิตอาสาในโรงเรียนประถมศึกษาเพื่อสอนภาษาของคู่สมรสต่างชาติ ฉันสอนพวกเขาพูดภาษาอินโดนีเซีย พวกเขาก็เป็นคุณครูตัวน้อยสอนภาษาจีนให้กับฉัน การได้กลับไปในโรงเรียนทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น เธอเริ่มไปสอนภาษาอินโดนีเซียตามที่ต่างๆ และปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนภาษาอินโดนีเซียในมหาวิทยาลัยชุมชนเขตจงลี่ ลูกชายของเธอที่ไม่ได้พูดภาษาอินโดนีเซียกับเธอมานาน ก็เริ่มที่จะพูดกับเธอด้วย
เป็นเพราะการร่วมกิจกรรมกับโครงการ หัวใจผ่องใส เธอจึงมีโอกาสนำเอาความสามารถในการทำอาหารอินโดนีเซียกลับมาใช้งานอีกครั้ง การจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนทำให้เธอได้โชว์ฝีมือการทำอาหาร ครกที่ไม่ได้ใช้งานมานานก็ถูกนำกลับมาปัดฝุ่น คนในครอบครัวก็ค่อยๆ ยอมรับในรสชาติอาหารจากบ้านเกิดของเธอ พวกเขาชอบรับประทานข้าวหมกราดแกงเนื้อ และแกงกะหรี่อินโดที่เธอทำ เธอพูดด้วยความดีใจว่า สมัยก่อนทำหนึ่งหม้อกินคนเดียว มันช่างเหงามาก ตอนนี้กลับแปลกไปเพราะทุกคนแย่งกันกิน สามีของฉันพูดว่าตอนนี้ท้องเหมือนกับถังขยะ อะไรก็กินหมด
ในช่วงฤดูร้อนเธอจะทำขนมหวานให้ครอบครัวรับประทาน ลอดช่อง (chendol) ถือเป็นขนมหวานที่ขึ้นชื่อของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งวิธีการทำง่ายมาก เธออยู่ไต้หวันก็ทำเช่นกัน เพราะเป็นขนมหวานที่เด็กๆ ส่วนใหญ่ชื่นชอบ
แต่ละประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีรสชาติของขนมสาคูที่ แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น สาคูของไทยมักจะใช้ฟักทองเป็นหนึ่งใน ส่วนประกอบ